Sunday, September 10, 2006

อาจารย์แก้วสรร ที่ผมรู้จัก

โดย โสภณ สุภาพงษ์

ที่มา นสพ. ผู้จัดการ

“ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด ดังนั้นการทำให้บ้านเมืองมีความเป็นปกติสุขเรียบร้อย จึงไม่ใช่การทำให้คนเป็นคนดี หากอยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง ปกครองกองทัพ ปกครององค์กร และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ และไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้”

พระบรมราโชวาท ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช


ก่อนนี้เมื่อ "อาจารย์แก้วสรร อติโพธิ" อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับอาจารย์ขวัญสรวง อติโพธิ น้องชายฝาแฝด อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาจารย์แก้วสรร มักจะถามผมเสมอว่า “พี่จำได้ไหม คนไหนแก้ว คนไหนขวัญ” ผมก็จะตอบล้อเล่นว่า “ดูออก ผมดูตามพฤติกรรม ว่าคนไหนเรียบร้อย คนไหนนักเลง ก็รู้

แต่ในความจริงแล้ว ถ้าเราดูพฤติกรรมแล้ว จะแยกไม่ออกสำหรับพี่น้องฝาแฝดชอบดื่มเบียร์แกล้มปัญญาคู่นี้ ร่าเริง เปิดเผย จริงใจ เป็นกันเอง เฮี้ยวนิดๆ และที่จะไม่มีวันแยกออกเลย คือ พฤติกรรมจากน้ำใจที่จะต่อสู้กับความอยุติธรรม ต่อสู้เพื่อสิทธิที่ถูกต้องของคนยากไร้ คนอ่อนแอ คนด้อยโอกาส ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นยักษ์เป็นมารใหญ่โต ร่ำรวย มีอิทธิพล เหาะเหินเดินอากาศขนาดไหน อาจารย์มีการจัดการ ต่อสู้อย่างสุขุม รอบคอบ มีวินัย แต่งับไม่เคยปล่อย เป็นที่ประทับใจผู้คนเสมอ

เมื่อก่อนถ้าจะแยกให้ออกว่า คนไหนแก้วคนไหนขวัญ เราต้องสังเกตเอาว่า ตำแหน่งของไฝบนใบหน้าอยู่ตรงไหน

แต่ในวันนี้ เราเห็นความแตกต่างได้บ้างจากร่างกายที่ผอมลงของอาจารย์แก้วเมื่อต้องทำงานอย่างตรากตรำตั้งแต่เริ่มเป็น ส.ว. เมื่อ 6 ปี ก่อนจนปัจจุบัน

คนที่กล่าวหาว่าอาจารย์แก้วสรร หน้าไม่เหมือนคน ไม่สมควรเป็น กกต.นั้น คงจะต้องเสียใจกับสิ่งที่กระทำลงไป ถ้าได้รู้ว่า อาจารย์แก้วสรรนั้นต้องพบกับความทุกข์ ในขณะที่เสียสละเพื่อผู้อื่น ความเศร้าที่ไม่เคยหลุดจากปาก ขอความเห็นใจหรือบ่นให้ใครฟัง

ผมรู้จักโดยการพบอาจารย์แฝดทั้งสองครั้งแรก เมื่อ 20 ปีก่อน ในขณะที่ผมในฐานะนักธุรกิจ ไปประชุมสัมมนาหัวข้อ มนุษย์กับสิ่งแวดล้อมของ UNDP ในหมู่บ้านนอกเมืองเชียงใหม่ร่วมกับ อาจารย์ประเวศ วะสี, อาจารย์สุลักษณ์ ศิวลักษณ์, อาจารย์ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์ และนักวิชาการอีกเกือบร้อยท่าน ในขณะที่ผมปรบมือพออกพอใจต่อต่อผู้บรรยายในหัวข้อ นักธุรกิจกับสิ่งแวดล้อม อาจารย์แก้วสรร - ขวัญสรวง หันมาถามผมว่า “พี่ พี่ไม่รู้เหรอ ว่าเขากำลังด่าพี่” แล้วหัวเราะชอบใจ

และเราก็ใกล้ชิดทางใจกันมากขึ้นอีกเมื่อผมกับอาจารย์แฝดต้องไปพูดบนเวทีด้วยกันเรื่องครอบครัวกับการเลี้ยงลูก ซึ่งผมได้ให้ความเห็นว่า เมื่อเด็กผมถูกสอนเสมอว่า “มนุษย์เป็นสัตว์เลือดอุ่น เลี้ยงลูกด้วยนม” แต่บัดนี้ผมพบว่าธรรมชาติได้เปลี่ยนไปแล้ว สังคมส่วนใหญ่วันนี้ “มนุษย์เป็นสัตว์เลือดเย็น เลี้ยงลูกด้วยเงิน” ดูเหมือนว่าอาจารย์แฝดทั้งสองพอใจผมมาก และดูจะยอมรับผมเข้าชมรมปากจัดด้วยกับอาจารย์ตั้งแต่บัดนั้น

เมื่อเราขอให้อาจารย์แก้ว หรืออาจารย์ขวัญ ทำงานอะไร สิ่งที่เราจะได้เสมอก็คือ ขอหนึ่งได้สอง คือ เราจะได้ทั้งอาจารย์สถาปัตย์สิ่งแวดล้อม และอาจารย์กฎหมายพร้อมกันเสมอ เมื่อเราขอให้อาจารย์แฝดทั้งสองมาทำงานให้ฟรีๆในเรื่องของชาวบ้าน อาจารย์ก็จะมาทำให้ค่ำมืดดึกดื่น ลูกๆอาจารย์ในชุดนักเรียน ก็จะมานั่งคอยพ่อตาแป๋ว เมื่อผมบอกว่าสงสารลูกอาจารย์ต้องมาแกร่วหิวข้าวคอยพ่อ คำตอบจากอาจารย์ทั้งสองคือ “มันชินแล้วพี่ ไม่เป็นไรครับ” แปลกที่ลูกอาจารย์ไม่เคยบ่น

อาจารย์แฝดทั้งสองอายุน้อยกว่าผมมาก ใช้ชีวิตด้วยความพอเพียง รักวิถีชีวิตชาวบ้านและสิ่งแวดล้อม ไม่ต้องการเงิน ไม่ต้องการตำแหน่ง ต้องการเพียงได้ทำงานช่วยผู้คน ประชาสังคมทั่วประเทศรักอาจารย์

เมื่อช่วงที่อาจารย์แก้วสรร นักกฎหมายมหาชน เป็นรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้น อาจารย์ต้องรับภาระความกระชั้นชิดของการบริหารโครงการ สร้างสนามกีฬาและหอพักนักกีฬา เอเชี่ยนเกมส์ อันใหญ่โตมโหฬารที่สุดของประเทศด้วยเงินลงทุนมหาศาลที่รังสิต(ซึ่งกลายมาเป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ปัจจุบัน) คุณสมบัติสำคัญสำหรับโครงการนี้ของอาจารย์แก้ว คือไม่โกง ทำงานหนัก ไม่เห็นแก่หน้าอินทร์หน้าพรหม จนงานสำเร็จลุล่วงได้น่าอัศจรรย์

เมื่ออาจารย์แก้ว สมัคร ส.ว. เมื่อ 6 ปีก่อนนั้น ป้ายแนะนำตัวกระจิริดที่แขวนแสดงถึง "ระบอบทุนไม่นิยมสุดขั้ว" ของอาจารย์ แขวนเล็กๆ น้อยๆ ตามข้างถนนคนสุดท้ายนั้น เรียกความประทับใจคนได้มากทีเดียว รวมทั้งผมด้วย

ชีวิตการเป็น ส.ว.ของอาจารย์ ที่ผมเห็นนั้น น่าประทับใจยิ่งกว่านัก อาจารย์แก้วรับเรื่องราวร้องทุกข์ของชาวบ้านที่ถูกกดขี่ข่มเหง ของคนเล็กคนน้อยทุกหมู่ทุกเหล่า ของข้าราชการที่ได้รับความอยุติธรรมจากการทำหน้าที่เพื่อชาวบ้าน ดูแลต่อต้านกฎหมายที่มุ่งขายชาติ ขายอธิปไตยทุกฉบับ ชอบทำงานอยู่ข้างหลัง จนพวกเราต้องบังคับให้เป็นประธานกรรมาธิการ

ไม่ว่าใครก็ตามในสภาจะปฏิเสธไม่ได้ว่า อาจารย์จะแสดงความเห็นด้วยหรือโต้เถียงขัดแย้งเต็มที่ แต่เมื่อลงมติแล้ว เป็นจบกัน อาจารย์แก้วมีวินัยเสมอ ไม่เคยติดใจใครเป็นส่วนตัว

ช่วงการเลือกตั้ง ส.ส. ของ กกต.ที่สร้างปัญหาขัดแย้งแก่บ้านเมืองมากมายในเดือนเมษายนที่ผ่านมา อาจารย์แก้วต้องทุ่มเททำงานหาวิธีป้องกันปัญหาผิดกฎหมายต่างๆ ที่พวกเราไม่ค่อยถนัดหามรุ่งหามค่ำ แม้ในวันที่ "คุณสุพัตรา" ภรรยาที่รักของอาจารย์ต้องจากไปอย่างไม่คาดฝัน อาจารย์แก้วไม่เคยปริปาก ผมได้แต่เพียงบีบมืออาจารย์ บอกว่าผมภูมิใจในอาจารย์ ผมสังเกตเห็นน้ำตาที่เอ่อในนัยน์ตาอาจารย์ได้

อาจารย์แก้วผอมลงไปพอสมควรแต่แจ่มใส ดีงาม

พระบรมราโชวาทที่ทรงให้ไว้ บอกเราว่า “ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด ดังนั้นการทำให้บ้านเมืองมีความเป็นปกติสุขเรียบร้อย จึงไม่ใช่การทำให้คนเป็นคนดี หากอยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง ปกครองกองทัพ ปกครององค์กร และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ และไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

การทำตามพระบรมราโชวาท ก็คือการได้ส่งเสริมให้อาจารย์แก้วสรรได้ทำงานที่สำคัญเพื่อบ้านเมือง หน้าที่ใดก็ได้

เพราะชาติจะได้ประโยชน์ ส่วนอาจารย์แก้วสรรไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่าทำงานเพื่อผู้คน และได้ทำดีครับ....

-------------------------------------------------------
อ่านแล้ว...อยากให้ อจ. แก้วสรรค์ได้เป็น "กกต" จัง

5 Comments:

At 1:45 PM, Blogger chang said...

ถ้าให้เป็นลูกของ อ.แก้ว พี่เอาปะครับ ?

 
At 7:14 PM, Blogger E said...

"แต่เมื่อลงมติแล้ว เป็นจบกัน"

หนังสือพิมพ์กู้ชาติ เชื่อไม่ได้จริงๆ :P

 
At 12:47 PM, Blogger siwawong said...

ช้าง --> ไม่เอา พี่ขี้เหงา และอยากได้รับความอบอุ่น
พี่อี้ --> ไม่เข้าใจครับ

 
At 9:14 PM, Anonymous Anonymous said...

พี่จะแซวว่า อ.แก้ว ตัวจริง พอลงมติ กกต. เสร็จสิ้น ถ้าไม่ได้ก็ไม่น่างอแงไง หุหุ

 
At 3:25 PM, Anonymous Anonymous said...

ผมเป็นลูกอาจาร์ยแก้ว คนเล็ก ผมเข้าใจว่าพ่อผมทำทุกสิ่งทุกอย่างไปเพื่ออะไร และผมก็ภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกพ่อเสมอ และผมก็ได้รับความอบอุ่นที่ผมคิดว่ามากมายด้วย อย่าไปตัดสินครอบครัวใครว่าเป็นยังไงดีกว่าครับ ถ้าไม่ได้ใกล้ชิดหรือรู้จักทุกสิ่งเกี่ยวกับครอบครัวคนนั้น

 

Post a Comment

<< Home