Friday, September 15, 2006

50 ข้อห้าม เมื่อคุณมี Sex (ภาค 2)



อ่านภาค 1 ก่อนได้นะครับ.....

26. การพ่นน้ำรักใส่ปากเธอ น้ำรักของผู้ชายมีรสเค็มกร่อยผสมความคาวของไข่ขาว ลองคิดดูก็แล้วกันว่ามันพะอืดพะอมแค่ไหน

27. จู้จี้เรื่องเสื้อผ้าของเธอ ผู้หญิงบางคนอยากเอาใจด้วยการแต่งกายเป็นคนอื่น เช่น นักศึกษา จงยอมเล่นละครฉากนี้กับเธอให้ถึงใจ

28. เร่งจังหวะรักในปากของเธอ การกระแทกกระทั้นใส่ปากของเธอ อาจจะกระทบถึงต่อมทอนซิลทำให้เธอป่วยได้ ที่จริงงานนี้คุณทำผิดที่ เพราะถ้าเป็นที่ปากควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายหญิง แล้วคุณอยู่เฉยๆ

29. ช่วยตัวเองต่อหน้าเธอ ขณะที่คุณหลับหูหลับตาเล่นกับตัวเองทั้งๆ ที่เธอนอนอยู่เคียงข้าง ถ้าอยากทำก็ควรทำตอนเธอไม่อยู่จะดีกว่า เพราะอาจกลายเป็นเรื่องน่ารังเกียจสำหรับเธอไป

30. ฉีดน้ำรักใส่หน้าเธอ ไม่ควรทำ เพราะจะทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นดาราหนังโป๊ ถ้าจะเล่นก็ขอฉีดหน้าอกก็พอแล้ว

31. ให้เธอควบคุมการแสดงแต่ผู้เดียว การที่ผู้หญิงได้เป็นผู้ควบคุมจังหวะรักบางครั้งบางคราว เป็นการเปลี่ยนรสชาติที่ดี แต่การทำเช่นนี้ทุกครั้ง จะทำให้เธอรู้สึกว่าเธอต้องกรำงานหนักแต่ฝ่ายเดียว

32. ร่วมรักทางทวารหนักโดยแกล้งทำเป็นเรื่องบังเอิญ อย่าทำเป็นเรื่องเข้าผิดบ้าน ถ้าต้องการเช่นนั้นถามความเห็นเธอเสียก่อน ถ้าเธออยากหาประสบการณ์ควรมี เค.วาย.เยลลี่ช่วยหล่อลื่นทุกครั้ง

33. ถ่ายรูปเปลือยของเธอ ผู้หญิงจะเสียหายได้หากเกิดการบันทึกภาพเป็นหลักฐาน ถ้าจะทำต้องให้เธอเห็นชอบ และใช้แต่กล้องโพราลอยด์ดีที่สุด

34. ไร้จินตนาการ ผู้ชายที่แข็งทื่อมีบทรักซ้ำซากนั้นน่าเบื่อเต็มที ลองชิมรสน้ำผึ้ง ไอศกรีม หรือผลไม้ที่วางอยู่บนเรือนร่างของเธอเป็นครั้งคราวสิ อาจเพิ่มรสชาติทั้งเธอและคุณได้

35. ชอบจับเธอมัด การเล่นมัดร่างกายเหมือนเธอเป็นทาสในบางครั้งก็สนุกดี แต่อย่าบ่อย และควรถามเธอก่อนว่ายอมหรือไม่

36. จัดท่าทางของเธอจนเธอเจ็บ ไม่ควรไปดึงรั้งส่วนหนึ่งส่วนใดให้เธอเจ็บ ยกเว้นเธอเป็นนักยิมนาสติกที่มีการยืดหยุ่นทั้งร่าง

37. สนใจสิ่งรอบตัวเกินไป ด้วยการผละจากร่างเธอไปเพียงได้ยินเสียงลมพัดใบไม้ไหว ที่จริงคุณไม่ควรต้องสนใจอะไรในเวลานั้น ยกเว้นเสียงสัญญาณไฟไหม้

38. อย่ากระแทกหน้าท้องของคุณกับเธอ เสียงเนื้อกระทบกันในลักษณะนี้ ไม่เซ็กซี่เลยสักนิด

39. นอนทับจนเธอหายใจไม่ออก ปกติผู้ชายมีน้ำหนักมากกว่าผู้หญิง อย่ากดทับจนเธอหน้าเขียว

40. แช่นิ้วไว้ในช่องรักของเธอ ไม่ต้องทำเช่นนั้นตลอดเวลา ยกเว้นตอนที่ต้องการปลุกเร้าอารมณ์ของเธอ

41. อย่าถามว่าต้องการไหม คุณเองก็รู้ดีว่าเธอชวนคุณขึ้นเตียงทำไม

42. เริ่มยกใหม่เร็วเกินไป เมื่อจบเกมรักแต่ละครั้ง คลิตอริสจะอ่อนตัวลง การเริ่มยกใหม่ควรค่อยเป็นค่อยไปและเล้าโลมเธออีกครั้งอย่างช้าๆ และนุ่มนวล

43. อย่าจริงจังเกินไป การชมว่าเธอผิวสวย รูปร่างดีนั้นควรทำ แต่อย่าต้องการจริงจังถึงขั้นหาโลชั่นมาชโลมเธอทั้งร่าง

44. ทิ้งร่องรอยบนร่างกาย เวลามันเขี้ยวคุณอาจขบกัดเธอเล่น แต่การดูดที่คอที่แขน จนเป็นจ้ำทั้งสัปดาห์นั้น ไม่ควรทำ

45. เอาแต่สอน ผู้ชายบางคนตั้งหน้าตั้งตาสอนเหมือนเธอเป็นนักเรียน เช่น เอาละตรงนั้นแหละ ใช้มือสิ ใช้ปากสิ เรื่องบนเตียงควรชี้นำด้วยการดึงมือเธอไปวางในที่ที่คุณต้องการ หรือชี้นำด้วยท่าทาง

46. พูดหยาบคาย คำหยาบคายต่ำช้าไม่ปลุกเร้าอารมณ์ เพราะเธอไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว

47. เปรียบเทียบกับสาวอื่น เป็นความผิดที่สุด ไม่ต้องเอ่ยถึงผู้หญิงในอดีตหรือสร้างฝันให้เธอได้ยินว่า สมมติให้เธอเป็นคนนั้นคนนี้ที่คุณอยากร่วมรักแต่คุณไม่มีโอกาส

48. ผละจากเธอหลังเกมรัก เมื่อสิ้นสุดเกมรักอย่าเอาแต่พลิกตัวกลับแล้วนอนหลับกรนสนั่น เพราะเธอยังตื่นอยู่และทำให้เธอคิดว่าเธอทำอะไรผิดหรือ

49. ขอบใจเธอ ไม่ต้องขอบใจผู้หญิงที่คุณนอนด้วย เพราะเธอต้องการความรักมากกว่าคำขอบใจ

50. ไม่สนใจว่าเธอถึงสวรรค์หรือเปล่า ยังไม่มีคำตอบว่าเป็นความรับผิดชอบของผู้ชายอย่างเดียวหรือเปล่า ในการที่ผู้หญิงต้องได้รับความสุขสมด้วย แต่การแสดงว่าคุณใส่ใจสนใจ และพยายามให้เธอสุขสม เป็นความน่ารักอย่างมากของคุณ

...อ่า จบแล้วนะครับท่านนักอ่านทุกท่าน หวังว่าเนื้อเรื่องทั้งสองภาคจะเป็นประโยชน์แก่ท่านทั้งหลายไม่มากก็น้อย อ่านแล้วจำให้ขึ้นใจกันด้วยหล่ะ....จะได้เป็นประโยชน์กับคู่ของท่าน....

Sunday, September 10, 2006

อาจารย์แก้วสรร ที่ผมรู้จัก

โดย โสภณ สุภาพงษ์

ที่มา นสพ. ผู้จัดการ

“ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด ดังนั้นการทำให้บ้านเมืองมีความเป็นปกติสุขเรียบร้อย จึงไม่ใช่การทำให้คนเป็นคนดี หากอยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง ปกครองกองทัพ ปกครององค์กร และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ และไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้”

พระบรมราโชวาท ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช


ก่อนนี้เมื่อ "อาจารย์แก้วสรร อติโพธิ" อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับอาจารย์ขวัญสรวง อติโพธิ น้องชายฝาแฝด อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาจารย์แก้วสรร มักจะถามผมเสมอว่า “พี่จำได้ไหม คนไหนแก้ว คนไหนขวัญ” ผมก็จะตอบล้อเล่นว่า “ดูออก ผมดูตามพฤติกรรม ว่าคนไหนเรียบร้อย คนไหนนักเลง ก็รู้

แต่ในความจริงแล้ว ถ้าเราดูพฤติกรรมแล้ว จะแยกไม่ออกสำหรับพี่น้องฝาแฝดชอบดื่มเบียร์แกล้มปัญญาคู่นี้ ร่าเริง เปิดเผย จริงใจ เป็นกันเอง เฮี้ยวนิดๆ และที่จะไม่มีวันแยกออกเลย คือ พฤติกรรมจากน้ำใจที่จะต่อสู้กับความอยุติธรรม ต่อสู้เพื่อสิทธิที่ถูกต้องของคนยากไร้ คนอ่อนแอ คนด้อยโอกาส ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นยักษ์เป็นมารใหญ่โต ร่ำรวย มีอิทธิพล เหาะเหินเดินอากาศขนาดไหน อาจารย์มีการจัดการ ต่อสู้อย่างสุขุม รอบคอบ มีวินัย แต่งับไม่เคยปล่อย เป็นที่ประทับใจผู้คนเสมอ

เมื่อก่อนถ้าจะแยกให้ออกว่า คนไหนแก้วคนไหนขวัญ เราต้องสังเกตเอาว่า ตำแหน่งของไฝบนใบหน้าอยู่ตรงไหน

แต่ในวันนี้ เราเห็นความแตกต่างได้บ้างจากร่างกายที่ผอมลงของอาจารย์แก้วเมื่อต้องทำงานอย่างตรากตรำตั้งแต่เริ่มเป็น ส.ว. เมื่อ 6 ปี ก่อนจนปัจจุบัน

คนที่กล่าวหาว่าอาจารย์แก้วสรร หน้าไม่เหมือนคน ไม่สมควรเป็น กกต.นั้น คงจะต้องเสียใจกับสิ่งที่กระทำลงไป ถ้าได้รู้ว่า อาจารย์แก้วสรรนั้นต้องพบกับความทุกข์ ในขณะที่เสียสละเพื่อผู้อื่น ความเศร้าที่ไม่เคยหลุดจากปาก ขอความเห็นใจหรือบ่นให้ใครฟัง

ผมรู้จักโดยการพบอาจารย์แฝดทั้งสองครั้งแรก เมื่อ 20 ปีก่อน ในขณะที่ผมในฐานะนักธุรกิจ ไปประชุมสัมมนาหัวข้อ มนุษย์กับสิ่งแวดล้อมของ UNDP ในหมู่บ้านนอกเมืองเชียงใหม่ร่วมกับ อาจารย์ประเวศ วะสี, อาจารย์สุลักษณ์ ศิวลักษณ์, อาจารย์ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์ และนักวิชาการอีกเกือบร้อยท่าน ในขณะที่ผมปรบมือพออกพอใจต่อต่อผู้บรรยายในหัวข้อ นักธุรกิจกับสิ่งแวดล้อม อาจารย์แก้วสรร - ขวัญสรวง หันมาถามผมว่า “พี่ พี่ไม่รู้เหรอ ว่าเขากำลังด่าพี่” แล้วหัวเราะชอบใจ

และเราก็ใกล้ชิดทางใจกันมากขึ้นอีกเมื่อผมกับอาจารย์แฝดต้องไปพูดบนเวทีด้วยกันเรื่องครอบครัวกับการเลี้ยงลูก ซึ่งผมได้ให้ความเห็นว่า เมื่อเด็กผมถูกสอนเสมอว่า “มนุษย์เป็นสัตว์เลือดอุ่น เลี้ยงลูกด้วยนม” แต่บัดนี้ผมพบว่าธรรมชาติได้เปลี่ยนไปแล้ว สังคมส่วนใหญ่วันนี้ “มนุษย์เป็นสัตว์เลือดเย็น เลี้ยงลูกด้วยเงิน” ดูเหมือนว่าอาจารย์แฝดทั้งสองพอใจผมมาก และดูจะยอมรับผมเข้าชมรมปากจัดด้วยกับอาจารย์ตั้งแต่บัดนั้น

เมื่อเราขอให้อาจารย์แก้ว หรืออาจารย์ขวัญ ทำงานอะไร สิ่งที่เราจะได้เสมอก็คือ ขอหนึ่งได้สอง คือ เราจะได้ทั้งอาจารย์สถาปัตย์สิ่งแวดล้อม และอาจารย์กฎหมายพร้อมกันเสมอ เมื่อเราขอให้อาจารย์แฝดทั้งสองมาทำงานให้ฟรีๆในเรื่องของชาวบ้าน อาจารย์ก็จะมาทำให้ค่ำมืดดึกดื่น ลูกๆอาจารย์ในชุดนักเรียน ก็จะมานั่งคอยพ่อตาแป๋ว เมื่อผมบอกว่าสงสารลูกอาจารย์ต้องมาแกร่วหิวข้าวคอยพ่อ คำตอบจากอาจารย์ทั้งสองคือ “มันชินแล้วพี่ ไม่เป็นไรครับ” แปลกที่ลูกอาจารย์ไม่เคยบ่น

อาจารย์แฝดทั้งสองอายุน้อยกว่าผมมาก ใช้ชีวิตด้วยความพอเพียง รักวิถีชีวิตชาวบ้านและสิ่งแวดล้อม ไม่ต้องการเงิน ไม่ต้องการตำแหน่ง ต้องการเพียงได้ทำงานช่วยผู้คน ประชาสังคมทั่วประเทศรักอาจารย์

เมื่อช่วงที่อาจารย์แก้วสรร นักกฎหมายมหาชน เป็นรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้น อาจารย์ต้องรับภาระความกระชั้นชิดของการบริหารโครงการ สร้างสนามกีฬาและหอพักนักกีฬา เอเชี่ยนเกมส์ อันใหญ่โตมโหฬารที่สุดของประเทศด้วยเงินลงทุนมหาศาลที่รังสิต(ซึ่งกลายมาเป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ปัจจุบัน) คุณสมบัติสำคัญสำหรับโครงการนี้ของอาจารย์แก้ว คือไม่โกง ทำงานหนัก ไม่เห็นแก่หน้าอินทร์หน้าพรหม จนงานสำเร็จลุล่วงได้น่าอัศจรรย์

เมื่ออาจารย์แก้ว สมัคร ส.ว. เมื่อ 6 ปีก่อนนั้น ป้ายแนะนำตัวกระจิริดที่แขวนแสดงถึง "ระบอบทุนไม่นิยมสุดขั้ว" ของอาจารย์ แขวนเล็กๆ น้อยๆ ตามข้างถนนคนสุดท้ายนั้น เรียกความประทับใจคนได้มากทีเดียว รวมทั้งผมด้วย

ชีวิตการเป็น ส.ว.ของอาจารย์ ที่ผมเห็นนั้น น่าประทับใจยิ่งกว่านัก อาจารย์แก้วรับเรื่องราวร้องทุกข์ของชาวบ้านที่ถูกกดขี่ข่มเหง ของคนเล็กคนน้อยทุกหมู่ทุกเหล่า ของข้าราชการที่ได้รับความอยุติธรรมจากการทำหน้าที่เพื่อชาวบ้าน ดูแลต่อต้านกฎหมายที่มุ่งขายชาติ ขายอธิปไตยทุกฉบับ ชอบทำงานอยู่ข้างหลัง จนพวกเราต้องบังคับให้เป็นประธานกรรมาธิการ

ไม่ว่าใครก็ตามในสภาจะปฏิเสธไม่ได้ว่า อาจารย์จะแสดงความเห็นด้วยหรือโต้เถียงขัดแย้งเต็มที่ แต่เมื่อลงมติแล้ว เป็นจบกัน อาจารย์แก้วมีวินัยเสมอ ไม่เคยติดใจใครเป็นส่วนตัว

ช่วงการเลือกตั้ง ส.ส. ของ กกต.ที่สร้างปัญหาขัดแย้งแก่บ้านเมืองมากมายในเดือนเมษายนที่ผ่านมา อาจารย์แก้วต้องทุ่มเททำงานหาวิธีป้องกันปัญหาผิดกฎหมายต่างๆ ที่พวกเราไม่ค่อยถนัดหามรุ่งหามค่ำ แม้ในวันที่ "คุณสุพัตรา" ภรรยาที่รักของอาจารย์ต้องจากไปอย่างไม่คาดฝัน อาจารย์แก้วไม่เคยปริปาก ผมได้แต่เพียงบีบมืออาจารย์ บอกว่าผมภูมิใจในอาจารย์ ผมสังเกตเห็นน้ำตาที่เอ่อในนัยน์ตาอาจารย์ได้

อาจารย์แก้วผอมลงไปพอสมควรแต่แจ่มใส ดีงาม

พระบรมราโชวาทที่ทรงให้ไว้ บอกเราว่า “ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด ดังนั้นการทำให้บ้านเมืองมีความเป็นปกติสุขเรียบร้อย จึงไม่ใช่การทำให้คนเป็นคนดี หากอยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง ปกครองกองทัพ ปกครององค์กร และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ และไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

การทำตามพระบรมราโชวาท ก็คือการได้ส่งเสริมให้อาจารย์แก้วสรรได้ทำงานที่สำคัญเพื่อบ้านเมือง หน้าที่ใดก็ได้

เพราะชาติจะได้ประโยชน์ ส่วนอาจารย์แก้วสรรไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่าทำงานเพื่อผู้คน และได้ทำดีครับ....

-------------------------------------------------------
อ่านแล้ว...อยากให้ อจ. แก้วสรรค์ได้เป็น "กกต" จัง

Tuesday, September 05, 2006

50 ข้อห้าม เมื่อคุณมี Sex (ภาค 1)

มีผู้ชายจำนวนมากที่คิดว่าตัวเองเป็นมือวางอันดับหนึ่ง เรื่องเคล้าเคลียผู้หญิงให้อ่อนระทวยในอ้อมแขน และผู้ชายอีกจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าตนมีฝีมือสามารถปล่อยทีเด็ดเผด็จสวาทให้สาวๆ ติดอกติดใจ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ตัวว่าเขาทำความผิดพลาดอะไรไว้บ้าง ในระหว่างเกมรัก วันนี้เรามีกฎเหล็ก "ข้อที่คุณไม่ควรกระทำระหว่างการร่วมรัก"

1. ไม่ยอมเริ่มด้วยการจูบ หลีกเลี่ยงที่จะจูบที่ริมฝีปากของเธอ จ้องแต่จะร่วมเพศเพียงอย่างเดียว ทำราวกับจ่ายเงินซื้อชั่วโมงและพยายามใช้เวลาให้คุ้ม ไม่ยอมเสียเวลากับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เลย

2. จูบไม่เป็น ด้วยการทะลวงลิ้นเข้าไประหว่างฟันสองแถวของเธอ แล้วกระทุ้งเอาๆ ราวกับการใช้ผ้าเช็ดจานที่กดๆ เช็ดๆ อยู่อย่างนั้น การจูบที่ดีควรจูบอย่างเย้าแหย่ ใช้ลิ้นเขี่ยเบาๆ ที่ริมฝีปากล่างของเธอแล้วค่อยๆ เลียเบาๆ ผ่านลิ้นของเธอให้เหมือนกับการละเลียดเนื้อหอยนางรมที่ผลุบโผล่จากเปลือก ไม่ใช่การขม้ำอย่างตายอดตายอยาก

3. อย่าเป่าลมเข้าหูเธอ ผู้หญิงที่คุณรักไม่ใช่เค้กวันเกิดที่ต้องเป่าเทียนทั้ง 50 เล่มให้ดับในคราวเดียว หากจะเล่นกับหูให้เธอสยิว ก็ควรเบามือหน่อย

4. ไม่ยอมโกนหนวด ผู้ชายจำนวนมากลืมโกนหนวดให้เรียบเกลี้ยง ก่อนที่จะใช้คางสากๆ ไปถูไถกับเนื้ออ่อนของเธอ หากคุณจูบเธอแล้วเธอส่ายหน้าไปมา ก็อย่าคิดว่าเธอเกิดอารมณ์พิศวาสมากจนทนไม่ได้ บางทีเป็นเพราะเธอส่ายหน้าหนีคุณต่างหาก

5. ดีดหัวนมของเธออย่างแรง เหมือนแม่บ้านดีดแตงโมเพื่อดูว่ามันแก่หรือยัง ควรลูบไล้อย่างเบามือ อย่าทำให้เธอเจ็บ

6. กัดหัวนม เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้ชายเข้าใจผิด คิดว่ามันเขี้ยวก็เลยกัดเล่น อย่าทำอย่างนั้น บริเวณหัวนมเป็นบริเวณที่รับความรู้สึกไวมาก ควรเลียและดูดเบาๆ อย่าเคี้ยว การไล้ลิ้นผ่านบริเวณนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำ คิดเสียว่ากำลังลิ้มรสลูกกวาดหวานอร่อยอยู่ก็ได้

7. บิดหัวนมเธอเล่น เป็นอีกข้อห้ามหนึ่ง หัวนมของเธอไม่ใช่ปุ่มที่จะหมุนหาคลื่นวิทยุ ดังนั้นอย่าเล่นด้วยวิธีนี้

8. ไม่สนใจส่วนอื่นของเธอเลย ร่างกายของผู้หญิงไม่ใช่ถนนไฮเวย์ที่มีทางโค้งแค่ 3 ครั้งต่อถนนทั้งสาย คือไม่ใช่เพียงหน้าอก 2 ข้างกับช่องรักที่คุณต้องการปลดปล่อยอารมณ์เท่านั้น ควรให้ความสนใจต่อส่วนอื่นของร่างกายเธอด้วย

9. อย่าพรวดพราดซุกมือภายใต้กางเกงของเธอ คุณอาจเจอฟันซิบที่ทำให้เลือดไหลได้ และยังไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกใดๆ ที่ดีด้วย ค่อยเป็นค่อยไป เธอจะมีอารมณ์ร่วมมากกว่า

10. อย่าจ้องดูส่วนสงวนของเธอจนน่าเกลียด ผู้ชายบางคนจับคู่นอนของเขาแยกขาออกจนกว้าง เพื่อดูสตรอเบอรี่ของเธอ รู้มั้ยว่ามันไม่สุภาพ หากอยากดูก็ดูตอนที่คุณลูบไล้เธอก็ได้

11. กดบี้ปุ่มสวาทของเธอ หากผู้หญิงเจ็บที่คลิตอริสเธอจะรู้สึกไม่สบาย และนั่นคือการสร้างความเครียดอย่างหนึ่งให้เธอโดยตรง ถ้าจะแตะต้องมันควรทำด้วยการสัมผัสวนปลายนิ้วไปรอบๆ ส่วนนั้นและสัมผัสเบาๆ เหมือนว่าคุณกำลังปัดฝุ่นผงออกจากผ้ากำมะหยี่โดยไม่ทำให้ขนของมันหลุดตามออกมาด้วย

12. หยุดพักกลางคัน ผู้หญิงมีอารมณ์ที่แตกต่างจากชาย หากมีการหยุดพักในระหว่างเกมรัก อารมณ์ต่อเนื่องของเธอจะหยุดลงและต้องเริ่มต้นใหม่ แต่ผู้ชายสามารถต่อเนื่องอารมณ์ได้เลย หากจำเป็นก็ต้องอยู่ใกล้ๆ เธอหลังคุณหยุด และใช้มือลูบไล้สัมผัสอารมณ์เธออย่างต่อเนื่องด้วย

13. เปลื้องเสื้อผ้าเธออย่างเงอะงะ ผู้หญิงไม่ชอบให้คนอื่นเห็นว่าเธอโง่ แต่คุณจะโง่กว่าหากปล่อยให้เสื้อสวมหัวของเธอ คาอยู่ที่คอของเธอโดยไม่ดึงให้พ้นหัวออกไป

14. อย่าใช้อุปกรณ์บางอย่างปลุกเร้าเธอ การลูบไล้ด้วยมือของคุณเองผ่านเสื้อผ้าของเธอ เป็นเรื่องเซ็กซี่ที่ควรทำ รวมทั้งการลากนิ้วมือผ่านเป้ากางเกงของเธอด้วย แต่อย่าใช้ปากคาบตะปูตัวเล็กๆ แหย่เล่นที่ช่องรักของเธอ

15. สนใจแต่ช่องรักของเธอ ผู้ชายส่วนใหญ่หาคลิตอริสของผู้หญิงเจอโดยไม่ต้องกางแผนที่ แต่เมื่อเจอแล้วเขามักเล่นกับมันเหมือนไล่ตะครุบธนบัตรที่ปลิวลม ซึ่งเป็นเรื่องไม่ควรกระทำ ควรสัมผัสอย่างนุ่มนวลพร้อมกับสอดนิ้วไปที่ช่องรักของเธอ เพื่อดูว่าเธอชอบหรือไม่

16. นวดอย่างรุนแรง ด้วยจุดประสงค์จะปลุกเร้าอารมณ์ของเธอ แต่การนวดให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย กลับเป็นสิ่งที่ควรทำกว่า เพราะมันจะทำให้เธอเกิดอารมณ์ร่วมไปด้วย

17. อย่ารีบร้อนถอดเสื้อผ้าของคุณ เพราะมันเหมือนการบังคับเวลากับเธอ อย่าทำแม้แต่การปลดกระดุมเสื้อเพียงเม็ดเดียว ควรช่วยเมื่อเธอเอื้อมมือมาปลดของคุณ

18. อย่ารีบร้อนเกินไป หากร่างกายของคุณกับเธออยู่ในตำแหน่งที่พร้อมจะสอดใส่ สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือการเร่งจังหวะราวกับเครื่องจักรในโรงงาน คุณควรกำกับแต่ละจังหวะอย่างประณีต แต่หนักหน่วงมั่นคง

19. หากอาวุธเล็ก เป็นสิ่งโหดร้ายมากทั้งคุณและเธอ อย่าทำตัวเป็นแมลงวันที่หลับหูหลับตาบินลงไปในถ้วยช็อกโกแลต แต่ควรเรียนรู้เทคนิคในการใช้จังหวะอย่างหนักหน่วงมั่นคง และให้ท่อนขาของเธอเบียดชิดกันเสมอ เพื่อความกระชับแน่นและรับรสสัมผัสขณะสอดใส่มากขึ้น


20. กระแทกท้องเธออย่างแรง เหมือนกับใช้ไม้หน้าสามตีลงบนท้องของเรา จะทำให้เธอเจ็บกระดูกไปนานถึงครึ่งเดือนทีเดียว

21. ถึงสวรรค์เร็วเกินไป เป็นความกลัวของผู้ชายทุกคนที่ไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นพวกนกกระจอกกินน้ำ จงคิดวิธีการหน่วงเวลาแบบนักกีฬา วิธีหนึ่งคืออย่ารีบร้อนสอดใส่ แต่ต้องใช้เวลาในการเล้าโลมให้นานขึ้น จนอารมณ์ของเธอสุกงอมเต็มที่เสียก่อน

22. ถึงสวรรค์ช้าเกินไป ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง ม้าที่คุณควบขับอาจเกิดการระคายเคืองหรือเป็นเหน็บชาได้

23. ชอบถามเธอว่าสุขสมไหม ไม่ต้องถาม เพราะคุณเองก็สามารถรู้ได้ เมื่อถึงเวลานั้นผู้หญิงมักส่งเสียงร้อง หากเธอไม่ร้องและคุณก็ไม่รู้ ลองสังเกตครั้งต่อไป แต่อย่าถามเป็นอันขาด

24. ทำออรัลไม่เป็น อย่าคิดว่าตัวเองเป็นแมวยักษ์เลียชามนม และทำมันเหมือนกับการขม้ำ แน่นอน เมื่อปากคุณอยู่ที่นั้นก็ปล่อยให้มันวางนิ่งๆ ใช้แต่ลิ้นสัมผัสคลิตอริสแผ่วเบาเท่านั้น

25. อย่ากดหัวเธอลงไปทำออรัลให้คุณ ผู้หญิงเกลียดการบังคับ อาจคิดว่าคุณใช้เธอต่างทาส และดูเหมือนคุณยังอยู่ในยุคลากผู้หญิงเข้าถ้ำ จงชักนำเธอด้วยอาการที่ค่อยเป็นค่อยไป และเธอเต็มใจที่จะทำเพื่อคุณ

มีต่อภาค 2 ครับ....

Friday, September 01, 2006

บุญของแบ๊งค์ ๒๐

กาลครั้งหนึ่ง ในปัจจุบันกาลนี่เอง ธนบัตรแบ๊งค์ ๑๐๐๐
ได้ถูกพิมพ์ออกมาสู่ท้องตลาด

หลังจากนั้นก็ได้สถิตย์อยู่ในกระเป๋าของนักธุรกิจ ประชาชนผู้มีอันจะกินทั้งหลาย ด้วยความภาคภูมิใจอย่างยิ่งจนอดเก็บไว้ไม่อยู่ แบ๊งค์ ๑๐๐๐ จึงพูดกับแบ๊งค์อื่นๆออกมาว่า
"นี่พวกเธอ ดูสิ ฉันได้เดินทางไปที่ต่างๆกับบรรดาเศรษฐีทั้งหลาย ฉันไปมาแล้วทั่วโลก ทั่วทุกทวีปก็ว่าได้"

แบ๊งค์ ๕๐๐ จึงพูดว่า ....."เธอนี่โชคดีจังที่ได้เดินทางไปทั่วโลก แต่ฉันก็ได้เดินทางไปตามห้างสรรพสินค้า ทั้งขึ้นเหนือล่องใต้ทั่วประเทศเหมือนกันนะ"

แล้วแบ๊งค์ ๑๐๐๐ กับ แบ๊งค์ ๕๐๐ ก็หันมามอง แบ๊งค์ ๒๐ ซึ่งฟังอยู่อย่างสงบ
"แล้วเธอล่ะ แบ๊งค์ ๒๐ เธอไปไหนมาบ้าง เล่าให้พวกเราฟังหน่อยสิ"

แบ๊งค์ ๒๐ ที่ฟังอย่างเงียบๆ เมื่อถูกขะยั้นขะยอให้เล่า จึงพูดขึ้น

"ฉันไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างประเทศหรือตามห้างสรรพสินค้าหรอก ส่วนใหญ่ฉันจะอยู่ตามวัด เขาทำบุญวัด อยู่ในตู้บริจาค และติดอยู่ตามต้นกฐิน ถึงฉันจะไม่ใหญ่โตอะไร แต่งานบุญทุกงานก็มีพวกฉันมากที่สุดนะจะบอกให้"

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
...
คนเราเวลาใช้จ่ายเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน จ่ายเป็นพันเป็นหมื่นไม่มีความมัธยัสต์เสียดายเลย แต่เวลาทำบุญกลับมัธยัสต์เหลือเกิน ทำแค่ ๒๐ บาทก็พอ!!!