วันที่เหงา.... กับ.. ฉัน คนเดียว...
วันนี้ตื่นตีสี่ว่ะ
ความจริงก็เพิ่งเข้านอนเมื่อตีหนึ่ง ทีแรก ว่าจะนอนสักชั่วโมงแล้วรีบตื่นมาปั่นงานให้เสร็จ
งานมันพอกหางหมูจนหมูจะเป็นริดสีดวง อยู่แล้ว (เกี่ยวกันไหมว่ะ)
เอาเป็นว่างานเหลือเยอะก็แล้วกัน
จนแล้วจนรอดก็นอนไปถึงตีสี่แล้วก็ต้องตื่นขึ้นมาด้วยความสะดุ้ง และเสียงกรนจากพี่ห้องข้างๆ
ตีสี่แล้วหรือว่ะ
จะตื่นมาทำไร
ตื่นมาทำงาน เดี๋ยวคนเขาก็ตื่นกันทั้งบ้าน
จะไปที่โรงเรียนรถไฟฟ้ามันก็ยังไม่ทำงานจะไปได้ไง
เลยไปเอา Paper มานั่งอ่าน นอนอ่าน
แล้วก็หลับต่อ
ตื่นอีกที เจ็ดโมงอืมเจ็ดโมงแล้วเหรอ
ทำไรดีว่ะ
นอนต่อดีกว่า
แปดโมง คนงานก่อสร้างอะไรกันไม่รู้ ตรงหัวนอนพอดี
เครื่องจักรดังหึ่ง ๆ ๆ ๆ
คนจะนอนโว้ย คนจะนอน
พยายามข่มตานอน
ใจก็คิดว่างานก็เหลือเยอะ พยายามเรียงลำดับงานในหัว
หึ่ง ๆๆ ๆ ๆ ๆ
รู้สึกตัวอีกที อ้าวแม่ง
สิบโมงครึ่งแล้ว
ฮา
เป็นการนอนที่ไร้ประสิทธิภาพที่สุด
รีบจัดแจงแต่งตัวไป ไปรษณีย์ เตรียมเรื่อง Visa จะได้กลับเมืองไทย เดือน สค
แล้วก็มาโรงเรียน
กำลังทำงาน
ง่วงโว้ย
ต่อเก้าอี้มานอน
สักพักได้ยินเสียงก๊อก ๆ แก๊ก ๆ ที่ประตู
รีบลุกมาทำท่าอ่านหนังสือ
หัวหน้าโปรแกรมเดินเข้ามาตรวจความเรียบร้อย
พรุ่งนี้ ต้องย้ายที่ทำงาน
ห้องเดิมเขาจะ Renovate แปลว่าปรับปรุงอาคาร
ตื่นได้สักพัก คุยกับหัวหน้าโปรแกรมได้สักหน่อย
อาจารย์ที่ปรึกษาก็เดินเข้ามา
อ้าว มาโรงเรียนด้วยเหรอ
ถ้ารู้ว่าอาจารย์อยู่ ผมไม่มาโรงเรียนหรอก ขี้เกียจคุย
โดย ลากตัวไปคุยงานวิจัยอีกเกือบชั่วโมง
สิบห้านาทีไล่งานว่าทำอะไรถึงไหน
อยากบอกแกจัง ว่า กูไม่เอาเงินแล้วโว้ย ขอกลับบ้านมือเปล่าได้ไหม
ไม่รู้เป็นไร สงสัยเป็นเพราะผมทรงใหม่ของกู
แกมองหน้าแล้วก็ยิ้ม ๆ
งง เดี๋ยวนี้ชอบยิ้มให้กูแปลก ๆ
แล้วก็เปลี่ยนเรื่องไปตั้งชื่อ Paper กันดีกว่า Paper ที่จะส่งวันพุธนี้ชื่ออะไรดีหนอ <- อาจารย์ถาม
จะตั้งชื่อเลยเหรอ ยังไม่ได้เขียนเลยนี่นะ <-- กูคิดในใจ
นั่นแหล่ะคือ สี่สิบห้านาทีที่เหลือ นั่งตั้งชื่อเปเปอร์
กลับห้องมาได้ แม่งหกโมงเย็นแล้ว
วันนี้หมดไปอีกแล้วหนึ่งวัน
รีบทำงานส่งแกนิด ๆ หน่อย ๆ
แล้วก็หนีออกไปกินข้าว
ที่โรงเรียนไม่มีข้าวให้กินหลังหกโมงอ่ะ
เลยตั้งนั่งรถบัสออกไป
ไปต่อรถไฟฟ้า
นั่งไป South Station
แปลเป็นไทยว่า สถานีขนส่งสายใต้ ก็เป็นที่รวมรถไฟและรถบัสสำหรับไปทางใต้ของบอสตั้น
ไปกินอาหารจีน กลางสถานี ดูคนเดินผ่านไปผ่านมา เหงาพิลึก
เสร็จแล้วต่อด้วย เดินไปร้านหนังสือ เดินเลือกอยู่นานมาก
อยากอ่านหนังสืออ่านเล่นภาษาอังกฤษว่ะ เกิดมาไม่เคยอ่านจบ
ขี้คร้าน
เดินเลือกอยู่นานมาก Davici Code ดีไหม จะอ่านรู้เรื่องไหม
เดินไปเดินมา ปวดอึ ก็ไปอึก่อน
แล้วก็กลับมาเลือกหนังสือใหม่
เสร็จแล้วจึงได้เรื่อง
"A Million Little Pieces"
ใครเคยอ่าน Go Ask Alice บ้างยกมึอขึ้น
เรื่องของเด็กสาวติดยา ที่เขียนบันทึกตามกระดาษทิชชู่ กระดาษห่อขนม และไดอารี่
เรื่องเศร้า ๆ อ่ะ ประทับใจสุดเห็นจะเป็นตอนที่ เขาต้องยอมเสียตัวให้กับไอ่มืดแลกยา
น้ำตาซืมเลย
"A Million Little Pieces"
เป็นเรื่องของชายคนหนึ่งที่ติดเหล้าอ่ะ
ท้ายปกเขียนว่า
" At the age of 23, James Frey woke up on a plane to find his front teeth knocked out and his nose broken. Ha had no idea where the plane was headed nor any recollection of the past two weeks. An alcoholic for ten years and a crack addict for three, he checked into a treatrment facility shortly after landing. There he was told he could either stop using or die before he reached age 24. This is Frey's acclaimed account of his six weeks in rehab. "
แปลเป็นไทยว่า "มันเป็นเรื่องของหนุ่มอายุ 23 ปี ชื่อ ไอ้ฟราย บุคคลที่ตื่นขึ้นมาระหว่างการเดินทางบนเครื่องบิน แล้วรู้สึกตัวว่าฟันหน้าหักและจมูกแตกโดยไม่รู้สาเหตุ แต่ไม่ใช่แค่นั้นที่ไม่รู้สาเหตุ เหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนหน้านี้สองสัปดาห์ ไอ่ฟรายก็จำไม่ได้เช่นกัน แม้แต่ว่า เครื่องบินลำนี้จะบินไปไหน มันก็ไม่รู้เช่นกัน นี่เป็นเรื่องของคนติดเหล้ามานานนับสิบปี ในที่สุด ไอ่ฟราย ก็เลยเข้ารับการรักษา หมอบอกว่า ไอ่ฟราย มีทางเลือกแค่สองทาง ไม่หยุดเหล้า ก็ตายในปีอีกปีข้างหน้า หนังสือเล่มนี้นี่แหล่ะรวบรวมชีวิตของ ไอ่ฟราย ในช่วงที่ได้รับการบำบัดหกสัปดาห์หลังจากนั้น"
ข้าง ๆ ข้อความ มีรูป คุณฟราย ติดไว้ด้วย
เมื่ออ่านและดูรูปแล้ว คิดถึงเพื่อน ของเราคนหนึ่ง
ตัดสินใจ ซื้อหน้งสือเล่มนี้มาอ่าน ด้วยเงิน 15 เหรียญ
นั่งรถกลับมาทำงาน ที่มหาวิทยาลัย
คืนนี้ คงไม่ได้นอนอีกตามเคยของคืนวันจันทร์
วันที่วันรุ่งขึ้นจะต้องมีประชุมตอนสิบโมงเช้า
.......