Friday, March 23, 2007

MSN อย่างมีสาระ....

ช่วงนี้ ใคร ๆ เค้าก็ฮิตมีคำว่า นำหน้าชื่อ...

ผมเองก็งง ๆ ว่า "ทำไมใคร ๆ เค้าถึงมีคำนี้กัน ?!?"

และแล้วปริศนาทั้งหมดก็ไขกระจ่าง เมื่อน้อง Nichalala มาส่งข้อมูลมาให้...

ลองอ่านกันดูนะครับ :D


เห็นไร เล็กๆ น้อยๆ ใน MSN เลยมาบอกกล่าว อะคร้าบบบบบบบบบบบบบบ
บ้างคนคงเคยเห็นกันแล้ว กับ ตัวอักษรที่ เพื่อนๆใน MSN ขี้นอยู่ใน ชื่อของ msn อะ
มีคำประมาณนี้อะ

*red+u: American Red Cross
*bgca: Boys & Girls Clubs of America
*naf: National AIDS Fund
*mssoc: National Multiple Sclerosis Society
*9mil: ninemillion.org
*sierra: Sierra Club
*help: StopGlobalWarming.org
*komen: Susan G. Komen for the Cure
*unicef: The US fund for UNICEF

แต่ถ้าดูผ่าน msn8.1 แล้วมันจะเป็น I'M อะ
ง่ายๆ คือทุกครั่งที่เรา sign in อะ กับ MSN8.1 อะครับหรือ version ใหม่กว่ามัง Microsoft จะบริจากเงินอะ ให้กับองการ์ที่เราเลือกอะ ครับ ซึ่งขี้นอยู่กับคำที่เราใส่อะ ลองดู นะ ครับเราไม่ได้ เสียอะไรอะ

Monday, March 19, 2007

Think Like An Indian...


THERE IS THIS GOOD OLD BARBER IN LONDON.

ONE DAY "A FLORIST" GOES TO HIM FOR A HAIRCUT. AFTER THE CUT, HE GOES TO PAY THE BARBER AND THE BARBER REPLIES:

"I AM SORRY. I CANNOT ACCEPT MONEY FROM YOU.I AM DOING COMMUNITY SERVICE."

THE FLORIST IS HAPPY AND LEAVES THE SHOP.

NEXT MORNING WHEN THE BARBER GOES TO OPEN HIS SHOP, THERE IS A "THANK YOU" CARD AND A DOZEN ROSES WAITING AT HIS DOOR.


A POLICEMAN GOES FOR A HAIRCUT AND HE ALSO GOES TO PAY THE BARBER AFTER THE CUT. BUT THE BARBER REPLIES:

"I AM SORRY. I CANNOT ACCEPT MONEY FROM YOU.I AM DOING COMMUNITY SERVICE."

THE COP IS HAPPY AND LEAVES THE SHOP.

THE NEXT MORNING THE BARBER GOES TO OPEN HIS SHOP, THERE IS A THANK YOU CARD AND A DOZEN DONUTS WAITING AT HIS DOOR.

AN INDIAN SOFTWARE ENGINEER GOES FOR A HAIRCUT AND HE ALSO GOES TO PAY THE BARBER AFTER THE CUT. BUT THE BARBER REPLIES:

"I AM SORRY. I CANNOT ACCEPT MONEY FROM YOU.I AM DOING COMMUNITY SERVICE."

THE INDIAN SOFTWARE ENGINEER IS HAPPY AND LEAVES.

THE NEXT MORNING WHEN THE BARBER GOES TO OPEN HIS SHOP, GUESS WHAT HE FINDS THERE...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
CAN YOU GUESS?
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
TRY TO GUESSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSSS ??????
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
CAN YOU GUESS?
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
A DOZEN INDIANS WAITING FOR A HAIRCUT...

Labels:

Saturday, March 10, 2007

Math

A husband wrote the following letter for his wife and left it on the dining room table:


To My Dear Wife,

You will surely understand that I have certain needs that you, being 54 years old, can no longer satisfy. I am very happy with you and I value you as a good wife. Therefore, after reading this letter, I hope that you will not wrongly interpret the fact that I will be spending the evening with my 18 year old secretary at the Comfort Inn Hotel.
Please don't be upset - I shall be back home before midnight.



When the man came home late that night, he found the following letter on the dining room table:


My Dear Husband,

I received your letter and thank you for your honesty about my being 54 years old. I would like to take this opportunity to remind you that you are also 54 years old. As you know , I am a maths teacher at our local college. I would like to inform you that while you read this, I will be at the Hotel Fiesta with Michael, one of my students, who is also the assistant tennis coach. He is young, virile, and like your secretary, is 18 years old. As a successful businessman who has an excellent knowledge of Maths, you will understand that we are in the same situation although with one small difference.

18 goes into 54 a lot more times than 54 goes into 18.
Therefore, I will not be back home until sometime tomorrow.

Monday, March 05, 2007

แก้ไขอาการเล็กๆ ด้วยตัวเอง



สะอึก เป็นอาการหนึ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของใครก็ได้ไม่เลือกเพศและวัย และไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง และอาจเป็นเพราะสะอึกไม่ใช่อาการร้ายแรง ไม่เป็นอันตราย ไม่เคยมีใครเสียชีวิตจากการสะอึก จึงยังไม่มีการศึกษาค้นคว้าเรื่องนี้อย่างจริงจัง

การสะอึกน่ารำคาญแค่ไหนคนที่กำลังสะอึกจะรู้ดี เพราะความรำคาญ จึงพยายามหาวิธีช่วยให้หายสะอึกโดยเร็ว แล้วในที่สุดดูเหมือนว่าวิธีที่ดีที่สุดที่ได้ผล เกิน 80% ก็คือ การหายใจในถุงกระดาษไม่เกิน 5 นาที อาการสะอึกจะหายได้แต่ต้องเป็นถุงที่ไม่รั่ว



ยังมีอาการเล็กๆที่ชอบเกิดขึ้นกับร่างกายอีกอาการหนึ่งคือ ตะคริว ตะคริวนี้มักเกิดขึ้นในตอนเช้ามืด เป็นระยะเวลาสั้นๆ บางคนจึงใช้วิธีนอนนิ่งๆ ทนปวด ค่อยๆยืดขา ดัดปลายเท้า บีบนวดสักพักใหญ่ๆก็หาย

แต่เมื่อเร็วๆนี้ มีหมอประจำทีมนักกีฬาโอลิมปิกของอเมริกา ได้พบตำรับเคล็ดลับแก้ตะคริวได้ผลชะงัดมาก เพียงแต่ให้เอานิ้วหัวแม่มือ กับนิ้วชี้หนีบริมฝีปากบนไว้ไม่เกิน 1 นาที ตะคริวจะหายได้อย่างมหัศจรรย์ บอกไม่ได้ว่าทำไมจึงหาย แต่บอกได้ว่าได้ผลเกิน 80% เป็นตะคริวคราวใดก็ลองดู



หมายเหตุ : กระผมลองวิธีแก้ตะคริวตามที่เขียนนี้แล้ว....มันไม่ได้ผลอ่ะ T_T

Saturday, March 03, 2007

ความมหัศจรรย์ของการสวดมนต์


---------------------------------------------------------------------------------
เนื่องในวัน "มาฆบูชา" ก็ขอนำเรื่องธรรมะ มาฝากแก่นักอ่านทุกท่านนะครับ
ก่อนจะที่อ้วกแตกกับหน้าอีกนัง "เจ้าป้า" ซะก่อน

หุๆๆ
---------------------------------------------------------------------------------


อาตมา (สมเด็จโต) ได้เห็นอานิสงส์ของการสวดมนต์ด้วยตัวอาตมาเอง ในสมัยที่อาตมาได้ออกเดินธุดงค์ในป่าเป็นเวลา 15 ปี โดยอาศัยอยู่ในเขตดงพญาไฟซึ่งเป็นเขตที่อยู่ใกล้ชายแดนของประเทศเขมร ในสมัยนั้นเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ และภูติผีวิญญาณ

ตลอดจนชาวบ้านที่มีเวทมนต์คาถา และเล่นคุณไสยกันอยู่อย่างมากมายในอาณาบริเวณชายแดนแห่งประเทศสยามในตอนนั้น อาตมาได้เดินธุดงค์แต่เพียงลำพัง ในช่วงนั้นอาตมามิได้ศึกษาในพระเวทมนต์คาถาอาคมใดเลย นอกจากคำว่า



พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ



ซึ่งมีความหมายว่า ข้าพเจ้าขอยึดมั่น พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง พระธรรมเป็นที่พึ่ง พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง



อาตมาไปที่แห่งหนตำบลใด ก็จะกล่าวเพียงคำนี้ตลอดเวลาของจิตใจอันเป็นที่พึ่งของอาตมา อาตมาเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านชายแดนแห่งประเทศสยาม ในดงพญาไฟขณะนั้น ในหมู่บ้านมีชาวบ้านอาศัยอยู่เพียงเล็กน้อย อาตมาจึงได้ปักกลดอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน มีชาวบ้านนำอาหารมาถวายตามกำลังที่เขาจะพอทำได้เมื่อเห็นมีพระภิกษุมาปักกลดในที่แห่งนั้น อาตมาอาศัยอยู่ที่นั้นเป็นระยะเวลาหลายปี และ ณ ที่แห่งนั้นอาตมาจึงได้พบคุณวิเศษแห่งการสวดมนต์ มีชาวบ้านผู้หนึ่งได้เข้ามาสนทนากับอาตมาหลังจากได้ถวายอาหารแล้ว ชาวบ้านผู้นั้นอาตมาทราบชื่อภายหลังว่าชื่อ นายผล นายผลได้เล่าให้อาตมาฟังว่า เขาเป็นผู้ฝึกเวทย์มนต์คาถาอาคม เล่าเรียนจนมีญาณแก่กล้า และมักจะทดสอบเวทย์มนต์คาถาอาคมแก่พระภิกษุสงฆ์ที่เดินทางมาปักกลด ณ บริเวณนี้เป็นประจำ เขาเล่าให้อาตมาฟังว่า เขาได้ส่งอำนาจคุณไสยเข้ามาทำร้ายอาตมาทุกคืน แต่ไม่ได้หวังทำรายเป็นบาปเป็นกรรมถึงตาย เพียงแต่ต้องการทดสอบดูว่าภิกษุรูปนั้นจะมีวิชาอาคมแก่กล้าสามารถที่จอต่อสู้กับคุณไสยเขาได้หรือไม่ นายผลก็ได้ทำคุณไสยใส่อาตมาถึง 7 วัน เต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยควายธนู หรือปล่อยหนังควาย ปล่อยตะขาบ ตลอดจนภูติพรายเข้ามาทำร้ายอาตมา แต่ปรากฏสิ่งที่ปล่อยมา ก็ไม่สามารถเข้ามาทำร้ายอาตมาได้เลย วันนี้จึงได้มากราบเพื่อสนทนาแลกเปลี่ยนวิชาความรู้กับอาตมา อาตมาจึงได้บอกว่าตัวอาตมาเองไม่ได้ศึกษาพระเวทย์มนต์คาถา หรือคุณไสยใด นายผลก็ไม่ยอมเชื่อหาว่าอาตมาโกหก ถ้าหากไม่มีของดีแล้วไซร้ไฉนอำนาจคุณไสยดำที่เขาส่งมาจึงกลับมายังเขาซึ่งเป็นผู้กระทำ ไม่สามารถทำร้ายอาตมาได้อาตมาก็พยายามชี้แจงให้เขารู้ว่าอาตมาไม่มีวิชาเหล่านี้จริง ๆ ทำให้ผลสงสัยยิ่งนักว่าเหตุใดอาตมา จึงไม่ได้รับภัยอันตรายจากอำนาจเวทมนต์คุณไสยดำที่เขาส่งมาทำร้ายได้ อาตมาได้บอกกล่าวแก่เขาว่า เมื่ออาตมาจะนอน อาตมาก็จะสวดแต่คำว่า พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คุจฉามิ จนจิตมีความสงบนิ่งแล้ว จึงได้แผ่ส่วนกุศลไปให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย จงอย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลยอย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย และอาตมาก็จำวัดนอนเป็นปกติ นายผล เมื่อได้ฟังดังนี้น จึงได้บอกแก่อาตมาว่า ข้าแต่ท่านอาจารย์ ก็เช่นนั้น ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านในวันนี้ ก่อนที่ท่านจะจำวัด จงหยุดการสวดมนต์สัก 1 คืนได้หรือไม่ ข้าพเจ้าต้องการจะพิสูจน์ว่าการสวดมนต์ของท่านเช่นนี้ จะเป็นเกราะคุ้มครองภัยท่านหรือเป็นเพราะอำนาจเวทมนต์ถาถาในภูติผีปิศาจของข้าพเจ้าเสื่อมกันแน่ ข้าพเจ้าของรับรองว่า จะไม่ทำอันตรายแก่ท่าอาจารย์อย่างเด็ดขาดเพียงแต่ต้องการที่จะทดสอบให้ความรู้ แจ้งเห็นจริงว่าเกิดอะไรขึ้น อาตมาก็ตกลงรับปากแก่นายผลว่า คืนนี้จะไม่ทำการสวดมนต์ นายผลจึงได้ลากลับไป



ครั้นถึงเวลาพลบค่ำอาตมาก็นอนโดยมิได้ทำการสวดมนต์ตามที่ได้ปฎิบัติเป็นปกติ เมื่ออาตมานอนหลับไป อาตมารู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อปรากฏว่าอาตมาได้ยินเสียง กุกกัก กุกกัก จะขึ้นมา จึงได้จุดเที่ยนและพบตะขาบใหญ่ยาวเท่าขาของอาตมากำลังเลื้อยเข้ามาอยู่ใกล้ตัว ของอาตมามาก อาตมารู้สึกตกใจถึงหน้าถอดสี และด้วยสัญชาติญาณจึ่งกล่าวคำสวดมนต์ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ด้วยจิตยึดมั่นในพระพุทธองค์เป็นที่พึ่งเป็นเวลานานเท่าใดไม่ทราบได้ เสียงกุกกักและตะขาบที่อยู่ข้างหน้าก็อันตรธานหายไป จากนั้นอาตมาจึงได้จำวัดนอนเป็นปกติ



ในวันรุ่งขึ้น นายผลก็มาหาอาตมาและได้กล่าวว่า เมื่อคืนนี้ข้าพเจ้าได้ปล่อยตะขาบเข้าไปในกลดที่ท่านพักนักอยู่ อาตมาบอกว่า อาตมาได้ตื่นมาและตกใจ จึงได้สวดมนต์ภาวนาตะขาบตัวนั้น ก็อันตรธานหายไป นายผลจึงได้ยกมือพนมขึ้น แล้วกล่าวว่า บัดนี้ข้าพเจ้าเชื่อแล้วว่า อำนาจเวทมนต์คาถา และคุณไสยใดๆ ของข้าพเจ้ามิอาจทำร้ายท่านได้ ก็เพราะอำนาจแก่การสวดมนต์ภาวนาของท่านเป็นเกราะคุ้มครองภัยอัตรายต่างๆ ได้ ที่อาตมา (สมเด็จโต) ได้เล่าให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ได้ฟังกัน เพื่อให้เป็นอานิสงส์ของการสวดมนต์ว่า เหล่าพรหมเทพได้มาฟังการสวดมนต์จริงดังที่อาตมาได้เทศน์ไว้ เพราะถ้าไม่ใช่เหล่าพวกพรหมเทพแล้วไซร้ ก็คงไม่สามารถที่จะขับไล่สิ่งที่เกิดจากอำนาจคุณไสย ที่นายผลส่งมาเล่นงานอาตมาได้อย่างแน่นอน ท่านเจ้าพระยา และ อุบาสก อบาสิกา ในที่นั้น เมื่อได้ฟังคำเทศนาแล้วต่างก็ยกมือขึ้นสาธุว่า อานิสงส์ของการสวดมานต่ช่างมีคุณค่าสูงส่งยี่งนัก